
คิดอย่างผู้ชนะ
สวัสดีเหล่าสมาชิก Hi ทุกท่านค่ะ สัปดาห์ที่ผ่านมาหลายคนก็บ่นว่าฝนนี่ช่างทำหน้าที่ได้ดีมาก ถึงเวลาช่วงสาวออฟฟิศเลิกงานเป็นต้องโปรยปราย แต่ก็นั่นแหละค่ะ..เราทุกคนต่างก็เกิดมาเพื่อทำหน้าที่ Hi ก็เช่นเดียวกัน หลายครั้งลูกค้าให้เราจัดซ่อลูกโป่งของขวัญ หรือช่อตกแต่งเพื่องานอีเว้นท์หรือปาร์ตี้ Outdoor แต่พอถึงเวลาฝนก็โปรยปรายหรือถึงกับกระหน่ำเลยทีเดียว นั่นก็ทำให้เราต้องบริหารสติปัญญา เตรียมแผน 2 หรือแผน 3 เอาไว้รับมือด้วย ซึ่งถ้าเป็นในกรณีของการจัดลูกโป่งตกแต่งในช่วงเวลานี้ผู้เชี่ยวชาญของ Hi ก็มักจะแนะนำให้ลูกค้าจัดงานรื่นเริงในร่มจะดีกว่า เพราะตอนนี้ฟ้าฝนก็ยากเกินจะเดาใจ และเอาเข้าจริงๆ จะมีใครเอาชนะธรรมชาติฟ้าฝนได้ล่ะคะ
เอาละ..แม้ฟ้าฝนจะเอาชนะไม่ได้ แต่มีอยู่อย่างหนึ่งที่แอดมินเชื่อว่าเหล่าสมาชิกทุกคนเอาชนะได้แน่ นั่นคือชนะใจตัวเองค่ะ มีคำกล่าวว่าศัตรูที่ร้ายที่สุดคือใจของเรานี่เอง ดังนั้นหากเราเอาชนะใจตัวเองได้ นั่นหมายความว่าเรามีความแข็งแกร่งอย่างที่สุด
เหล่าสมาชิกเคยได้ยินกันไหมคะ ว่าทางฝั่งอเมริกาเขาเรียกผู้ชนะว่า winner และเรียกผู้แพ้ว่า looser สังคมอเมริกันเป็นสังคมที่มีการแข่งขันสูงมาก ทุกคนต่างก็ไขว่คว้าอยากเป็นผู้ชนะกันทั้งนั้น มองในแง่บวกก็เป็นสิ่งที่ดี คือทำให้ทุกคนต้องผลักดันตัวเองไปข้างหน้า ไม่จมจ่อมอยู่กับที่ แต่ Admin ก็อยากให้เราสมาชิกเดินทางสายกลางนะคะ คืออยากเป็นผู้ชนะ..แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่เคร่งเครียดจนเคี่ยวกรำตัวเองมากเกินไป คราวนี้เราลองมาดูกันดีกว่านะคะ..ว่าถ้าอยากเป็นผู้ชนะ..เราจะต้องคิดหรือวางใจอย่างไรบ้าง
1. มองตำแหน่งของผู้ชนะเป็นโอกาสในการพัฒนาตนเองและค้นพบศักยภาพที่ซ่อนอยู่ของตนเอง จงอย่ามองสิ่งนี้เป็นการแข่งขัน เพราะเมื่อไหร่คุณมองว่ามันเป็นการแข่งขัน..มีผู้ชนะก็ต้องมีผู้แพ้ อันดับแรกคุณจะไม่อยากแพ้..จากนั้นสิ่งที่คนส่วนมากทำเพื่อไม่ให้แพ้ก็คือ การเริ่มโจมตีหรือขัดขวางไม่ให้คนอื่นมาชนะเราได้ กลายเป็นว่า..ในที่สุดแล้วเราชนะในงาน แต่กลับไม่ชนะใจเพื่อนร่วมงานหรือคนรอบข้างเลย เข้าตำรายิ่งสูงยิ่งหนาว คือประสบความสำเร็จในงานมากแต่ไม่มีใครคบ
เมื่อคุณมองตำแหน่งของผู้ชนะเป็นการพัฒนาตนเอง คุณจะไม่แข่งกับคนอื่น แต่คุณจะแข่งกับตัวคุณเองเมื่อวานนี้ และพัฒนาตนเองให้ดีขึ้นตลอดเวลา คิดแบบนี้มีความสุขมากกว่ากันเยอะนะคะ
2. อย่ามองหนทางของผู้ชนะเป็นภาพขาวดำ ภาพขาวดำคือภาพที่มีแต่สีขาวและดำเท่านั้น ไม่มีสีอื่น คนที่มองอย่างนี้จะรู้สึกว่าชีวิตนี้มีคำอยู่แค่สองคำ คือคำว่า “ทำได้” และคำว่า “ทำไม่ได้” หากคุณต้องการลดน้ำหนัก แต่คุณเผลอไปกินน้ำอัดลม คนที่เห็นภาพขาวดำก็จะลงโทษตัวเองว่า “ฉันทำไม่ได้” Admin อยากให้พวกเรามองโลกนี้ด้วยสีสันสดใส มองตามความเป็นจริงว่าไม่มีมนุษย์คนไหนที่สมบูรณ์แบบ หากคุณมองแบบนี้คุณจะให้อภัยตัวเองว่า “ฉันเผลอกินน้ำอัดลม 1 กระป๋อง ใน 3 วันที่ฉันไม่ได้แตะต้องเครื่องดื่มรสหวานเลย และนั่นเป็นพัฒนาการที่ดีมากแล้ว เพราะก่อนหน้านี้ฉันดื่มน้ำอัดลมแทบทุกวัน” การคิดแบบนี้หมายความว่า ในโลกเรามีคำ 3 คำ ทำได้ ทำไม่ได้ และ “ทำได้ดีขึ้น”
จงทำให้ดีขึ้นในทุกๆวันค่ะ
3. ทำให้การแข่งขันเป็นเรื่องสนุก แน่นอนว่าคงไม่มีใครอยากทำอะไรที่เป็นภาคบังคับสักเท่าไหร่ ดังนั้นจงมองพฤติกรรมพึงประสงค์ว่าเป็นสิ่งที่คุณ “เลือกจะทำ” ไม่ใช่สิ่งที่คุณ “จำเป็นต้องทำ” และเมื่อทำสิ่งนั้นแล้ว คุณเป็นฝ่ายได้..ไม่ใช่เป็นฝ่ายเสีย ระหว่างการนั่งเล่นเกมออนไลน์กับลุกไปออกกำลังกาย ขอให้เรามองว่า ฉัน “เลือก” ที่จะไปออกกำลังกาย ฉันเลือกเองเพราะมันดีต่อสุขภาพ และการออกไปวิ่งทำให้ฉันได้พลังงานดีๆกลับมา (แทนที่จะมองว่าการวิ่งทำให้เสียโอกาสในการเล่นเกม) เห็นไหมคะว่า ..แค่มุมมองเปลี่ยน..ชีวิตก็เปลี่ยนนะคะ
4. วางแผน : ไม่มีใครทำสิ่งยิ่งใหญ่ได้โดยปราศจากการวางแผนนะคะ แต่จึงแนะสิ่งที่คุณทำนั้นจะไม่ยิ่งใหญ่..การวางแผนก็ทำให้โอกาสในการสำเร็จมีสูงมาก ดังนั้นหากคุณอยากจะลดน้ำหนัก คุณควรวางแผนว่าแต่ละมื้อในแต่ละวันคุณจะทานอะไรดี แล้วทำให้ได้ตามนั้น คนที่น้ำหนักเกิน..ส่วนมากมักเป็นคนไม่มีแผนค่ะ เห็นอะไรน่ากินก็กินเลย หรือใช้การกินเป็นเครื่องปลอบประโลมจิตใจของตนเอง
5.ไม่อ่อนแอ และไม่พยายามเอาชนะอย่างบ้าคลั่ง เพราะการกระทำทั้งสองอย่างนี้..ล้วนนำไปสู่ความพ่ายแพ้ทั้งสิ้น ถึงไม่พ่ายแพ้ในเกมส์ก็พ่ายแพ้ในสังคมล่ะค่ะ
“ไม่อ่อนแอ” หมายถึงการขจัดความสงสัยว่าเราจะทำได้หรือไม่ และแทนที่ด้วยความคิดว่า “ฉันจะลองทำดู” จะทำมากหรือทำน้อยก็ขอให้ได้ทำไว้ก่อน มีตำแหน่งงานในระดับหัวหน้าว่างลง อย่าเพิ่งคิดว่าตัวเองทำไม่ได้ อย่างน้อยลองไปสมัครสอบแข่งขัน จะสอบได้หรือสอบไม่ได้ค่อยว่ากัน แต่อย่างน้อยฉันได้ลองแล้ว และถึงแม้ครั้งนี้จะสอบไม่ได้ ครั้งหน้าก็จะขอสมัครสอบอีก แต่ก็ขอทำคะแนนให้ดีขึ้นกว่าครั้งนี้ก็พอ
“ไม่พยายามเอาชนะอย่างบ้าคลั่ง” หมายถึงการพยายามทำงานโดยเคารพความแตกต่างของผู้อื่น ให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ดูถูกเหยียดหยามให้เพื่อนร่วมงานรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ ไม่พยายามขโมยซีนหรือทำตัวให้เด่นกว่าคนอื่น จงจำไว้ว่า.. การไปถึงเป้าหมายร่วมกันกับทีมคนอื่นๆ จะทำให้การเดินทางสนุกมากๆเลยค่ะ แน่นอนว่าสนุกกว่าเดินทางคนเดียวมากมายนัก
6. มองโลกในแง่บวก เราคงเคยได้ยินมาว่า น้ำครึ่งแก้วนั้น..จะมองว่าหมดไปครึ่งแก้วก็ได้ หรือจะมองว่าเหลือตั้งครึ่งแก้วก็ได้ จงถามตัวเองว่าเรามองแบบไหน เมื่อเราเผชิญกับปัญหา..อย่าหงุดหงิดแล้วคิดว่า ทำไมถึงไม่เป็นอย่างนี้ ทำไมถึงไม่เป็นอย่างนั้น จงมองปัญหานั้นแบบเป็นกลาง ปกติ และใช้เหตุผล สุขุมรอบคอบให้มาก ไม่ว่าปัญหาที่คุณเผชิญจะเป็นเรื่องงานหรือเรื่องส่วนตัว จงหยุด..หายใจเข้าลึกๆ..หายใจออกยาวๆ แล้วบอกกับตัวเองว่า “ OK.. นี่เป็นปัญหาที่ยาก แต่ฉันสามารถแก้ปัญหานี้ได้แน่นอน” “เอาละ..เราจะลงมือแก้ปัญหากันแล้วนะ เราสามารถทำอะไรได้บ้างเพื่อให้สถานการณ์นี้คลี่คลายไปในทางที่ดี” เห็นไหมเขาว่า..การบอกตัวเองและถามตัวเองแบบนี้ ดูเป็นผู้ใหญ่ ดูมีเหตุผล มากกว่าการโทษโน่นโทษนี่เยอะเลยค่ะ
บทความสัปดาห์นี้ค่อนข้างยาวสักหน่อย แต่ Admin และ Hi ไม่อยากยืนอยู่ในจุดของผู้ชนะคนเดียวค่ะ อยากเห็นเราสมาชิกทุกคนมาเป็นผู้ชนะด้วยกัน นึกถึงประโยคที่ผู้รู้ท่านหนึ่งเคยกล่าวไว้ว่า..สิ่งสำคัญไม่ใช่เส้นชัย แต่เป็นการเดินทางจากจุดเริ่มต้นมายังเส้นชัยต่างหากที่จะสร้างสีสันและประสบการณ์ให้ชีวิตของเรา ขอให้เหล่าสมาชิกจงคิดแบบผู้ชนะโดยใช้เคล็ดลับทั้ง 6 ข้อนี้นะคะ Hi คอยเป็นกำลังใจให้ท่านอยู่ที่เส้นชัยค่ะ และหากท่านจะเริ่มต้นง่ายๆ ขอแนะนำให้ตกแต่งสถานที่ให้สวยงามเปี่ยมไปด้วยพลัง โดยการใช้บริการจัดลูกโป่งของขวัญ ลูกโป่งตัวอักษรเป็นคำให้กำลังใจ หรือลูกโป่งแฟนซีสกรีนข้อความเก๋ๆ ก็เท่ไม่เหมือนใครดีนะคะ Hi อยากเป็นกำลังใจให้ทุกท่าน แวะมาคุยกับผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดลูกโป่งได้ที่ Hi ทุกสาขาใกล้บ้านท่านค่ะ